Mar 14, 2024
ขายฝากบ้านมีอะไรต้องรู้บ้างหากต้องการขายฝาก 
ขายฝากบ้าน

ใครมีความต้องการอยากใช้บริการขายฝากบ้านแต่กลัวว่าตนเองจะไม่รอบคอบมากพอ จนทำให้การดำเนินการติดขัดหรืออยากได้ข้อมูลเตรียมความพร้อมก่อนดำเนินการจริง เรารวมสิ่งที่ต้องรู้มาให้แล้ว  

ขายฝากบ้านจำเป็นต้องรู้ข้อกำหนดในการดำเนินการก่อนเป็นอันดับแรก  

สำหรับข้อกำหนดที่จำเป็นต้องรู้ก่อนดำเนินการขายฝากบ้านประกอบไปด้วย  

1. อัตราดอกเบี้ย  

แต่ละบริษัทขายฝากนั้นมีการกำหนดดอกเบี้ยแตกต่างกันไป แต่ตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการชำระรายเดือนหรือรายปีต้องรวมกันแล้วไม่เกิน 15%  

2. ระยะเวลาการไถ่ถอน  

ไม่ต่ำกว่า 1 ปี และสูงสุดไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการไถ่ถอนหรือข้อกำหนดของแต่ละบริษัท  

3. กรรมสิทธิ์การขายฝาก 

สินทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของบ้าน, ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง อาคารใด ๆ กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันทีเมื่อทำสัญญาเสร็จสิ้น แต่เรายังมีสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินนั้น ๆ อยู่ ไม่ว่าจะเป็นอยู่อาศัย, ให้เช่าหรือประกอบเกษตรกรรม จนกว่าจะถึงวันหมดสิทธิ์ในการไถ่หรือเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญา 

4. การแลกเปลี่ยน  

เราในฐานะผู้ขายฝากจะได้รับเงินสดทันทีหลังจากทำสัญญา ณ สำนักงานที่ดิน ส่วนผู้รับซื้อฝากจะได้รับสินทรัพย์เป็นหลักประกัน  

ห้ามพลาดตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาทุกครั้งก่อนตัดสินใจเซ็น 

นอกเหนือจากสิ่งที่ต้องรู้ก่อนใช้บริการบริษัทขายฝากบ้านข้างต้นรายละเอียดในสัญญาถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นต้องมีการระบุเป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายก่อนเซ็น เช่น วันที่เซ็นสัญญา, วันที่ครบกำหนดไถ่สินทรัพย์, ราคาขายฝาก, ดอกเบี้ยและอื่น ๆ  

นอกจากนั้น มีสิ่งที่ต้องรู้เพิ่มเติม คือ การเซ็นสัญญาทุกครั้งต้องดำเนินการต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน ณ สำนักงานที่ดินเท่านั้น ไม่สามารถทำสัญญาหรือทำข้อตกลงระหว่างกันเองได้  

ค่าธรรมเนียมที่ต้องเจอ  

สำหรับค่าธรรมเนียมที่ต้องเตรียมเมื่อต้องการขายฝากบ้านประกอบไปด้วย  

  • ค่าอากรแสตมป์ 0.5% (คิดจากราคาขายฝากหรือราคาประเมินที่ดิน โดยจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีราคาสูงกว่า) 
  • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% (คิดจากราคาขายฝากหรือราคาประเมินที่ดิน โดยจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีราคาสูงกว่า) 
  • ค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (คิดจากราคาประเมินที่ดิน ) 
  • ค่าธรรมเนียม 2% (คิดจากราคาประเมินที่ดิน) 

และสุดท้ายอย่าลืมให้ความสำคัญกับการตรวจสอบความน่าเชื่อถือและการบริการด้านต่าง ๆ ของบริษัทรับขายฝากบ้านเพื่อให้มั่นใจว่าคิดอัตราดอกเบี้ยไม่สูงเกินไป ให้วงเงินสูงและมีข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ ที่ไม่เอาเปรียบ โดยทำการเปรียบเทียบหลาย ๆ บริษัท จากนั้นค่อยเลือกบริษัทขายฝากที่ปลอดภัยและให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด 

More Details
Oct 12, 2023
เบต้า คืออะไร ตัวช่วยลดความเสี่ยงเพื่อนักลงทุนทุกคน
เบต้า คือ

                ในแวดวงการลงทุนค่าเบต้า คือ ค่าบ่งชี้ว่าหุ้นมีความผันผวนขนาดไหน เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะตลาดหุ้นทั้งหมด เช่น หุ้นของบริษัท A มีค่าเบต้าเท่ากับ 1.05 เท่า ถ้าในขณะนั้นดัชนีหุ้น SET มีผลตอบแทนเป็นบวก 1% หุ้นของบริษัท A ก็จะมีผลตอบแทนที่ 1.05% เป็นต้น โดยหุ้นทุกตัวในตลาดหุ้นจะมีค่าเบต้าที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของสภาวะตลาดหุ้นในขณะนั้น ค่าเบต้าจึงมีความสำคัญในแง่มุมของการช่วยนักลงทุนลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้เป็นอย่างดี

2 วิธีการอ่านค่าเบต้า คืออะไร อ่านแบบไหนจึงสะท้อนถึงความเสี่ยงของหุ้น

                ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ค่าเบต้า คือ ค่าที่สะท้อนถึงความเสี่ยงของหุ้น โดยความเสี่ยงที่กล่าวถึงนี้เกิดขึ้นจากความผันผวนที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัท เป็นสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นทั้งตลาดจะต้องพบเหมือนกัน และมีผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดหุ้น เช่น ความผันผวนของสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ และความผันผวนด้านนโยบายทางการเงินเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ เป็นต้น ดังนั้นวิธีการอ่านค่าเบต้า จึงเป็นวิธีที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นได้ โดยแบ่งวิธีการอ่านค่าได้ 2 แบบด้วยกัน คือ

สำหรับหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวล้อไปกับตลาด

เป็นกลุ่มหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับตลาด คือ เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น หุ้นจะปรับตัวเป็นบวก และเมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาลง หุ้นก็จะปรับลดลงตามไปด้วย ซึ่งสิ่งที่ควรวิเคราะห์โดยใช้ค่าเบต้า คือการปรับตัวของหุ้นนั้น ๆ จะมีการปรับมากกว่าหรือน้อยกว่าตลาด โดยการอ่านค่าของหุ้นกลุ่มนี้ คือ

  • ค่าเบต้ามากกว่า 1 คือ ราคาหุ้นปรับตัวมากกว่าตลาด เช่น หุ้นของบริษัท A มีค่าเบต้า 1.40 เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ 1% ราคาหุ้นจะปรับตัวที่ 1.40% และในทางตรงข้ามหากตลาดปรับตัวลง ราคาหุ้นก็จะปรับตัวลงมากกว่าตลาดที่ 1.40% ด้วยเช่นกัน เป็นต้น หุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นของบริษัท ที่นักลงทุนคาดหวังการเติบโตสูง
  • ค่าเบต้าเท่ากับ 1 คือ ราคาหุ้นปรับตัวเท่ากับตลาด เช่น หุ้นของบริษัท A มีค่าเบต้าที่ 1 เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ราคาหุ้นของบริษัทจะปรับตัวเท่ากันกับตลาด เป็นต้น
  • ค่าเบต้าน้อยกว่า 1 คือ ราคาหุ้นปรับตัวน้อยกว่าตลาด เช่น หุ้นของบริษัท A มีค่าเบต้า คือ 0.56 เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ 1% ราคาหุ้นจะปรับตัวที่ 0.56% เป็นต้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่หุ้นกลุ่มนี้จะเป็นหุ้นปันผล ที่บริษัทมีโอกาสเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป

สำหรับหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวในทิศทางที่แตกต่างจากตลาด

เป็นกลุ่มบริษัทที่ราคาหุ้นมีความเคลื่อนไหวสวนทางกับภาพรวมของตลาดหุ้น โดยส่วนใหญ่จะมีค่าเบต้า น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0 และมักจะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรรัฐบาล และไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือขาลง ราคาหุ้นของบริษัทกลุ่มนี้จะปรับไปในทิศทางตรงกันข้าม เช่น บริษัท A มีค่าเบต้า -0.14 เมื่อตลาดปรับตัวที่ 1% ราคาหุ้นของบริษัท A จะปรับตัวไปในทิศทางตรงกันข้าม คือ 0.14% เป็นต้น

ค่าเบต้า คือตัวบ่งชี้ถึงทิศทางการปรับตัวของราคาหุ้น นักลงทุนสามารถนำมาใช้สำหรับการคาดการณ์ถึงแนวโน้มของราคาหุ้นเมื่อเทียบกับดัชนีของตลาดหุ้นโดยรวม นอกจากนี้ค่าเบต้ายังแบ่งกลุ่มบริษัทออกเป็นหลายกลุ่ม ช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาของตลาด เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงได้

More Details
Jun 21, 2023
อยากลงทุนแบบไม่ต้องเสี่ยง ใช้เงินเย็นทำกำไร จะลงทุนอะไรดี 2566?
ลงทุนอะไรดี 2566

ลงทุนอะไรดี 2566 ถ้าหากมีเงินเย็นสักก้อน? แต่ไม่อยากต้องเสี่ยงมาก สามารถใช้เงินเย็นทำกำไรได้ เพราะอย่างที่เราเคยได้ยินมาว่า “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน” ซึ่งแน่นอนว่าการลงทุนแบบเสี่ยงต่ำและใช้เงินเย็นเพื่อทำกำไร คงเป็นความต้องการของหลาย ๆ คนที่ต้องการเพิ่มมูลค่าเงินที่ถืออยู่ โดยไม่ต้องเสี่ยงเสียเงินต้นในการลงทุน หรือเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงเกินไป ซึ่งต้องมีการวางแผนการเงินที่ดี เพราะจะทำให้เราสามารถลงทุนในระยะยาวได้ตามเป้าหมายนี้

ทำความรู้จักเงินเย็นก่อนลงทุนอะไรดี 2566

ก่อนหาคำตอบว่าจะลงทุนอะไรดี 2566 เราควรทำความรู้จักกับเงินเย็นเสียก่อน หลาย ๆ คนอาจจะคิดแบบมุกตลกว่า เงินเย็นนี่วัดกันที่อุณหภูมิ หรือสกุลเงินของญี่ปุ่นหรือไม่? ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย ‘เงินเย็น’ คือ เงินที่เหลือใช้และไม่มีต้นทุน โดยไม่ได้มีเป้าหมายที่จะใช้เงินก้อนนี้ในระยะสั้น ๆ ซึ่งเงินเย็นต้องเป็นเงินที่จะไม่ถูกใช้ในเวลาฉุกเฉินด้วย มองแบบง่าย ๆ คือ เงินที่เราเก็บไว้แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทำให้หลายคนเล็งเห็นว่า การเก็บเงินเย็นไว้ในบัญชีเฉย ๆ ก็จะได้รับแค่เพียงดอกเบี้ยเงินฝากรายปีเท่านั้น ถ้าเก็บเป็นเงินสดก็เป็นเงินก้อนที่ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไร

แน่นอนว่า เมื่อคนเราเก็บเงินได้ถึงในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจจะเรียกว่าเรามีเงินเหลือใช้แล้ว ขั้นตอนถัดไปก็คงไม่แคล้วต้องริเริ่มสนใจในการลงทุน เพื่อให้เงินเย็นมีหน้าที่ทำงานแทนเราในการเพิ่มพูนผลกำไร โดยเงินเย็นที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้มีจำนวนที่ตายตัว ส่วนมากจะวัดจากความพึงพอใจของแต่ละบุคคลเสียมากกว่า เชื่อได้เลยว่า ทุกคนอยากมีเงินเย็นไว้ในครอบครองแน่นอน เพราะเมื่อต้องการจะลงทุนอะไรก็ตาม การใช้เงินเย็นลงทุนสามารถทำให้เราลงทุนได้อย่างสบายใจ กินอิ่มนอนหลับดีทุกวัน โดยเฉพาะหากต้องการเลือกลงทุนระยะยาวแบบเสี่ยงต่ำ ที่มักจะมีค่าเฉลี่ยผลตอบแทนเชิงบวกเสมอ

ใช้เงินเย็นลงทุนอะไรดี 2566 ?

ลงทุนอะไรดี 2566
  1. การลงทุนกองทุนรวม

 การลงทุนในกองทุนรวมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง และมีความเสี่ยงต่ำ เพราะว่าสามารถเลือกกองทุนตามระดับความเสี่ยงที่เราต้องการได้ ไม่ต้องวางแผนบริหารกองทุนเองด้วย มีผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญคอยดูแลให้ ยิ่งหากใครเป็นพนักงานประจำ และกำลังลังเลว่าจะลงทุนอะไรดี 2566 การลงทุนในกองทุนรวมที่ช่วยประหยัดภาษีด้วยอย่าง RMF และ SSF ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การลงทุนแบบระยะยาวนี้

  1. การลงทุนซื้อหุ้นกู้

การลงทุนซื้อหุ้นกู้ในบริษัทเอกชนที่มีความมั่นคงสูงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเงินเย็น ซึ่งส่วนมากสัญญาของการลงทุนหุ้นกู้มักจะมีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนาน โดยปกติแล้วจะต้องถือนานประมาณ 3-10 ปี ซึ่งจะทำให้มีโอกาสได้รับเงินปันผลที่สูงขึ้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนประจำ

  1. การออมเงินในบัญชีดิจิทัล

การออมเงินด้วยบัญชีออมเงินดิจิทัลเป็นวิธีที่สามารถเก็บเงินเข้าสู่บัญชีออมเงินผ่านแพลตฟอร์มธนาคารหรือสถาบันการเงินออนไลน์ โดยไม่ต้องใช้สมุดบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งมีความสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้นในการทำธุรกรรมการเงินส่วนบุคคล โดยส่วนมากแล้วเงินที่ฝากจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคาร ซึ่งจะให้เปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าการออมเงินในบัญชีที่มีสมุดคู่ฝาก มีจุดเด่นตรงที่จะฝากหรือถอนตอนไหนก็ได้ หากอยู่ในช่วงที่กำลังคิดว่าจะลงทุนอะไรดี 2566 แบบง่ายที่สุด อาจจะนำเงินเย็นก้อนนั้นมาฝากพักไว้ในบัญชีดิจิทัลก่อน เพื่อให้เงินเย็นของเราได้ทำประโยชน์ไประหว่างที่กำลังศึกษาการลงทุนอื่น ๆ

2 กองทุนรวมความเสี่ยงต่ำ ถือได้ยาว ๆ ตอบโจทย์คนที่ยังลังเลจะลงทุนอะไรดี 2566 

  1. กรุงศรีสมาร์ทตราสารหนี้-สะสมมูลค่า (KFSMART-A)

กองทุนรวมตราสารหนี้กองนี้ เป็นกองทุนที่ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ 4 เหมาะกับการลงทุนด้วยเงินเย็นแบบระยะยาว และไม่ต้องการได้รับปันผลระหว่างการลงทุน โดยมีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก และทรัพย์สินอื่น ๆ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือ ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในบัญชีทั่วไป และมีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ต่ำกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

  1. กรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFAFIXRMF)

อยากลดหย่อนภาษีด้วยจะลงทุนอะไรดี 2566 กองทุนนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับความต้องการนี้ เพราะเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับวัยทำงานที่ต้องการลงทุนระยะยาว และใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย ซึ่งกองทุนนี้มีความเสี่ยงในระดับ 4 คือความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ และเป็นการลงทุนเพื่อมุ่งเน้นไปที่การลดหย่อนภาษี จึงมีเงื่อนไขการถือครองที่จะขายคืนได้เมื่ออายุผู้ลงทุนครบ 55 ปี ทำให้ต้องลงทุนระยะยาวโดยปริยาย

ทั้งนี้ไม่ว่าจะลงทุนอะไรดี 2566 การศึกษาและทำความเข้าใจในสิ่งที่จะลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทุกการลงทุนยังคงมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเสี่ยงต่ำหรือเสี่ยงสูงก็ตาม นักลงทุนที่ถือเงินเย็นอยู่ในมือ ควรค่อย ๆ ศึกษาและพิจารณาข้อมูลของการลงทุนทุกรูปแบบให้ดีก่อน และต้องวิเคราะห์แนวโน้มต่าง ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองอยู่เสมอ หากใครที่ไม่อยากรับความเสี่ยงสูงก็ลองเลือกลงทุนในกองทุนรวมแบบระยะยาวดู ไม่ต้องคอยบริหารจัดการเอง และมีความเสี่ยงต่ำอย่างที่ต้องการ

More Details